Pages

Thursday, September 24, 2020

& 34ไมโครลิสซิ่ง ขวัญใจสิบล้อ& 34 กำลังจะเข้าตลาดหุ้น - efinanceThai

dalamlima.blogspot.com
& 34ไมโครลิสซิ่ง ขวัญใจสิบล้อ& 34 กำลังจะเข้าตลาดหุ้น

Special Interview

&#34ไมโครลิสซิ่ง ขวัญใจสิบล้อ&#34 กำลังจะเข้าตลาดหุ้น

 

Brief :

  • บมจ.ไมโครลิสซิ่ง (MICRO) ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง เช่น รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และ 12 ล้อ  สำหรับใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น อีซูซุ ฮีโน่ และฟูโซ่ เป็นต้น

  • ปัจจุบัน มีสาขาทั้งหมด 12 สาขา กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่  จ.นครปฐม เพราะในช่วงแรกของการทำธุรกิจเริ่มจากลูกค้าใน จ.นครปฐม เป็นหลัก

  • MICRO เป็นบริษัทรายแรกและรายเดียวในตลาดหุ้น ที่มีพอร์ตสินเชื่อเกือบทั้งหมดเป็นรถบรรทุกมือ 2 หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 95% ของยอดจัดสินเชื่อทั้งหมด

  • รายได้หลักของบริษัท มาจากรายได้ดอกเบี้ยรับจากสัญญาเช่าซื้อรถบรรทุกมือ 2 ที่เหลือมาจากสินเชื่อเพิ่มสภาพคล่องและสินเชื่อรีไฟแนนซ์  

  • มูลค่าตลาดรถบรรทุกมือ 2 อยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด 5% และมองว่ายังมีโอกาสเติบโตในตลาดนี้ได้อีกมาก

  • บริษัทกำลังจะเสนอขายหุ้นไอพีโอ เพื่อเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น คาดเข้าเทรดต้นเดือน ต.ค.นี้ เงินส่วนหนึ่งนำไปชำระหนี้ และอีกส่วนไว้ขยายธุรกิจ 

“อนุมัติไว ขวัญใจ สิบล้อ” ประโยคนี้บนหน้าเว็บไซต์ น่าจะเป็นประโยคที่บอกถึงธุรกิจของ MICRO ได้เป็นอย่างดี กับวิสัยทัศน์ที่จะเป็น "ผู้นำบริการด้านสินเชื่อรถบรรทุกมือสองของประเทศ" ภายใต้สโลแกน  “ไมโครลิสซิ่ง ขวัญใจสิบล้อ” 

MICRO ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2537 โดยนายธรรมศักดิ์ อัชญาวัฒน์และครอบครัว เป็นแกนนำในการก่อตั้ง ร่วมกับผู้ถือหุ้นอื่นๆ อีก 30 ราย เริ่มแรกดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง ต่อมาบริษัทได้หันมามุ่งเน้นสินเชื่อรถเชิงพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก 6 ล้อ 10 ล้อ และ 12 ล้อ เป็นหลัก

MICRO กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ต่อจากรุ่นพี่ ASK THANI  MTC  และ SAWAD แม้จะเป็นน้องใหม่แต่จริงๆ แล้วประกอบธุรกิจให้สินเชื่อรถบรรทุกมือ 2 มาแล้ว 26 ปี  

บุคคลที่จะมาถ่ายทอดเรื่องราวของ MICRO ในวันนี้คือ “วินิตย์ ปิยะเมธาง” ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ก่อตั้ง แต่จากการที่เรามีโอกาสได้พูดคุยบอกได้เลยว่า “วินิตย์” คือกำลังสำคัญในการนำทัพไมโครฯ เดินหน้าเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทมหาชน        

คำถามแรกของเราคือ "วินิตย์" เป็นใคร? เนื่องจากเมื่อศึกษาข้อมูลประวัติบริษัทพบว่าเขาไม่ใช่ผู้ก่อตั้ง  "วินิตย์" ในวัย 63 ปีเริ่มต้นเล่าด้วยความกระฉับกระเฉงและเป็นกันเอง ราวกับรู้ว่าเราจะต้องเริ่มต้นด้วยคำถามนี้  เขาเล่าว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ใช่ผู้ก่อตั้ง แต่ได้เข้ามาบริหารงานที่ MICRO ส่วนตัวนั้นเคยทำงานเป็นข้าราชการที่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์นโยบายและแผนเป็นพิเศษ 

นอกจากนี้  เขายังเป็นเพื่อนบ้านอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผู้ก่อตั้ง คือ "ธรรมศักดิ์ อัชญาวัฒน์"  และเขามีตำแหน่งเป็นประธานหมู่บ้านอีกด้วย ดังนั้น ทั้งคู่จึงรู้จักกันมาก่อน ทำให้ช่วงแรก  "วินิตย์" ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นกรรมการอิสระที่ MICRO อยู่สักประมาณ 6-7 เดือน ก่อนที่ต่อมาเขาจะได้เข้ามานั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแทน "ธรรมศักดิ์ อัชญาวัฒน์" ผู้ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการในขณะนั้น  

เขาเล่าว่าการมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เกิดจากจากความไว้วางใจและการสนับสนุนของผู้ก่อตั้ง ที่เชื่อมั่นในฝีมือ และประสบการณ์ของตนเองในการบริหารงานในองค์กรขนาดใหญ่จากภาครัฐ ซึ่งจากประวัติของผู้บริหารพบว่า “วินิตย์” ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2561 

  

ช่วงแรกๆ ของการเข้ามาเป็นกรรมการอิสระ วินิตย์ เล่าว่า เขามักจะทำเกินหน้าที่ไปอยู่บ้าง ทั้งให้คำแนะนำ เสนอแนะเรื่องราวต่างๆ หรือลงมือปฏิบัติในเรื่องที่สามารถช่วยได้ และยิ่งบริษัทเตรียมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น ก็ยิ่งต้องวางแผนกลยุทธ์ และแผนงานให้มีความเป็นมาตรฐาน ที่สำคัญ “วินิตย์” กล่าวว่า ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่จะต้องพบปะสื่อสารกับสื่อมวลชน  นักลงทุน ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ตนเองสามารถช่วยสื่อสารได้ ด้วยเพราะมีประสบการณ์ตรงนี้มาก่อนในสมัยที่ทำงานอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย   

“วินิตย์” รับหน้าที่บริหารงานในฐานะหัวเรือใหญ่ โดยที่เขาไม่ได้มีสัดส่วนการถือหุ้นแต่อย่างใด ขณะที่กลุ่มครอบครัวนายธรรมศักดิ์ ในฐานะผู้ก่อตั้ง ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้งก่อนและหลังเสนอขายไอพีโอในสัดส่วน 74.6% และ 58.3% ตามลำดับ ปัจจุบัน "ธรรมศักดิ์ อัชญาวัฒน์" ดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทฯ 

***MICRO ประสบการณ์ 26 ปีในธุรกิจลิสซิ่งรถบรรทุกมือสอง     

“วินิตย์” เริ่มต้นเล่าถึงที่มาที่ไปของไมโครลิสซิ่งว่า เปิดกิจการมาประมาณ 26 ปี โดยกลุ่มผู้ก่อตั้งที่มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในธุรกิจอะไหล่รถยนต์มายาวนาน ก่อนที่ต่อมาจะขยายมาทำธุรกิจลิสซิ่งรถบรรทุกมือสองเป็นธุรกิจหลัก จากความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่มีมายาวนาน ทำให้สิ่งนี้ กลายเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ MICRO ในธุรกิจลิสซิ่งรถบรรทุกมือสอง 

 

บริการสินเชื่อมี 3 ประเภท ได้แก่ 1.สินเชื่อสำหรับผู้ที่เริ่มต้นกิจการรถบรรทุก ใช้ในการขนส่งพวกพัสดุครุภัณฑ์ ผลิตผลต่างๆ 2.สินเชื่อเพิ่มสภาพคล่อง คือรถที่มีอยู่และปลอดภาระแล้วก็เอามาใช้บริการเพื่อเพิ่มสภาพคล่องไปดำเนินธุรกิจ และ 3.สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ลูกค้าที่ใช้บริการเช่าซื้อผ่อนไปได้สัก 2-3 ปี ก็นำรถมารีไฟแนนซ์ ได้เงินส่วนต่างไปใช้ขยายธุรกิจ เพิ่มความคล่องตัว    

สำหรับรถบรรทุกที่บริการอยู่จะมีอยู่ 3 ยี่ห้อเท่านั้น ซึ่งเป็นรถตลาด ซื้อง่ายขายคล่อง เป็นที่นิยม ได้แก่  อีซูซุ  ฮีโน่  และฟูโซ่   


***ขนาดพอร์ตสินเชื่อ 2.14 พันลบ. เป้าสิ้นปีนี้ 2.5 พันลบ.  

“วินิตย์” กล่าวว่า พอร์ตสินเชื่อของ MICRO ณ สิ้นไตรมาส 2/63 อยู่ที่ประมาณ 2,140 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,500 ล้านบาท เหลือเวลาอีกไม่กี่เดือนแต่มั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า แม้ที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ก็เพียงเล็กน้อย เนื่องจากลูกค้ามีหลายกลุ่มทำให้กระจายความเสี่ยงได้ดี   

 

“ลูกค้าเรามีกระจายหลายกลุ่ม โดยลูกค้าที่เอารถบรรทุกไปใช้ในการขนส่งจะมีสัดส่วนมากสุดเกือบ 60% อีกประมาณ 20% เป็นพวกขนส่งวัสดุก่อสร้าง อิฐ หิน ดินทราย แล้วก็ประมาณ 17% ก็จะเป็นพวกเกษตร ที่เหลือก็เล็กๆ น้อยๆ เป็นรถเฉพาะกิจ ขนส่งน้ำมันบ้าง แก๊สบ้าง เพราะฉะนั้น เวลาที่เกิดวิกฤต ลูกค้าเราจะไม่ได้รับผลกระทบทุกกลุ่ม”  

อย่างไตรมาส 2/63 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ภาคธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากจากโควิดชัดเจนที่สุด กลับกลายเป็นว่ากำไรของ MICRO กลับเพิ่มขึ้น โดย ณ ไตรมาส 2/63 กำไรเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 33 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนหน้าที่ทำได้ 29 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าผลจากการแบ่ง segmentation ช่วยลดผลกระทบจากโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี และนี่น่าจะเป็นวิกฤตที่หนักที่สุดแล้วของทุกธุรกิจ 


***สถานการณ์ NPL ลดลงสวนทางวิกฤตหนี้

เขากล่าวว่า ในวิกฤตโควิด-19 ลูกค้ายังมีความสามารถในการชำระหนี้ที่ดี เห็นได้จากการจำนวนยื่นคำขอเข้าโครงการพักชำระหนี้ของบริษัทมีเพียง 100 รายจากทั้งหมด 3,200 ราย และคัดออกมาแล้วเหลือจริงๆ เพียง 40 ราย  

“40 รายนี้ปรากฏว่าจริงๆ แล้วก็ไม่ได้เดือดร้อน แค่เกิดอาการตกใจและมาขอเผื่อไว้เท่านั้นเอง เพราะว่าโดยปกติของธุรกิจรถบรรทุก เขาก็ต้องมีเงินสำรองไว้สำหรับค่าใช้จ่ายค่อนข้างจะสูงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างคนขับ ค่าซ่อม ค่าน้ำมัน ค่าอะไหล่ เพราะฉะนั้น เขาจะมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่แล้วโดยปกติ”   

กรรมการผู้จัดการ เล่าต่อว่า จำนวน NPL โดยรวมในภาวะวิกฤตรอบนี้ ลดลงสวนทางกับวิกฤตหนี้ในสถานการณ์โควิด โดยล่าสุด ณ ไตรมาส 2/63 อยู่ที่ 2.7% ของสินเชื่อรวม ยังไม่ทะลุจากเพดานที่กำหนดไว้คือ 3% เหตุผลเกิดจากความพยายามในการติดตามหนี้ทุกรูปแบบ การบูรณาการกำลังคน ทั้งส่วนกลางและสำนักงานใหญ่ ทั้งสาขา รวมทั้งทีมนอกที่จ้างมาเป็น 10 บริษัท  

“ตอนที่ผมเข้าไปใหม่ๆ เมื่อประมาณปี 60, 61 NPL จากระดับ 12% ก็ลดลงมาเรื่อยๆ เหลือ 5% มาเป็น 4% จนกระทั่งไตรมาส 2 ที่ผ่านมาเหลือ 2.7%  ซึ่งมันก็เป็นเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ว่าจะควบคุมไม่ให้เกิน 3% ในตอนที่เราเข้าตลาด ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าจะดูดีสำหรับธุรกิจลิสซิ่ง”  

***การประเมินราคารถ - คุณภาพลูกหนี้คือปัจจัยเสี่ยงสำคัญ 

“ปัจจัยเสี่ยงคือเรื่องของการประเมินราคารถ อันนี้เป็นหัวใจเลย แล้วก็เรื่องของการคัดเลือกลูกค้าเข้ามา มันอยู่ที่ต้นน้ำ ถ้าคัดเลือกไม่ดีสิ่งที่ตามมาคือหนี้เสีย เพราะฉะนั้น เรามีระบบการคัดกรองลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นเครดิตบูโร Credit scoring หรือว่าทีมงานที่ในการในการติดตาม ซึ่งผลของมันจากตัวเลขมันก็ลดลงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อสิ้นไตรมาส 2 ของปี 63 อยู่ที่ 2.7%” 

    

***พอร์ตสินเชื่อ-กำไรย้อนหลัง 3 ปีเติบโตดี ราว 30% ต่อปี  

ด้านผลประกอบการในอดีต “วินิตย์” เล่าว่า หากดูสถิติย้อนหลัง 3 ปี รายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากระดับ 200 กว่าล้านบาทขึ้นมาเป็น 300 กว่าล้านบาท ซึ่งรายได้จะแปรผันตรงกับพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน จากพอร์ตสินเชื่อ 1,200  ล้านบาท เป็น 1,500 ล้านบาท 2,000 ล้านบาท เมื่อปี62 และ 2,140 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2/63 หรือเติบโตเกือบๆ 30% มาต่อเนื่อง และบริษัทฯ ก็พยายามจะควบคุมให้พอร์ตสินเชื่อโตไม่น้อยกว่า 30%  

“พอร์ตสินเชื่อทุก 100 บาท เราจะได้กำไรเกิดขึ้นมาประมาณ 7 บาท  และกำไรของเรามันก็โตมาตลอด ค่อนข้างจะดีประมาณ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์เลยนะ  ซึ่งหลังจากเข้าตลาดหุ้น เราก็พยายามจะรักษาระดับอัตราการเติบโตของพอร์ตสินเชื่อก็ดีหรือกำไรก็ดี เราก็มีเป้าหมายว่าไม่ควรจะต่ำกว่า 30% ขึ้นไป”


***รายแรก-รายเดียวใน SET ที่พอร์ตหลักไฟแนนซ์รถบรรทุกมือสอง  

เมื่อเราถามถึงจุดเด่นของบริษัทฯ “วินิตย์” เล่าว่ามีหลายประการด้วยกัน อย่างกำไรของบริษัท ถึงแม้ไมโครฯ จะเป็นบริษัทขนาดเล็กแต่อัตราการเติบโตของกำไรดีในระดับต้นๆ ของกลุ่ม คือเติบโตกว่า 30% ต่อปี ทีมผู้บริหารมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ โดยทำธุรกิจนี้มาแล้ว 26 ปี ไม่นับรวมประสบการณ์เริ่มต้นของผู้ก่อตั้ง ที่ทำธุรกิจอะไหล่รถยนต์มาก่อนหน้านั้นหลายสิบปี 

อนึ่ง ข้อมูลจากไฟลิ่งเผยถึงรายได้รวมในปี 2560 – 2562 อยู่ที่ 227.0 ล้านบาท 258.6 ล้านบาท และ 330.2 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิ  60.8 ล้านบาท 89.9 ล้านบาท และ 110.8 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ (CAGR) สูงถึง 34.9% ต่อปี

“รถบรรทุกมือสองไม่ใช่ว่าใครจะเข้ามาทำก็ได้  ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะว่าปัจจัยสำคัญที่สุด คือ เรื่องของการประเมินราคารถ กลุ่มผู้ก่อตั้งขายอะไหล่รถยนต์มาก่อน เพราะฉะนั้นก็จะเข้าจะมีความรู้ และทักษะในการประเมินราคารถที่แม่นยำ”  

MICRO ยังเป็นรายแรกและรายเดียวในตลาดหุ้น ที่ให้สินเชื่อรถบรรทุกมือสองเกือบทั้งหมด ต่างจากบริษัทอื่นที่ทำธุรกิจใกล้เคียงแต่จะมีหลายโพรดักส์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า การเล่นโพรดักส์เดียวแล้วจะไม่มีความเสี่ยง บริษัทฯ ได้กระจายความเสี่ยงไปหลายกลุ่ม แต่มากสุดในกลุ่มขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค หรือกว่า 60% เพราะไม่ว่าจะเกิดวิกฤติอะไรก็ตาม แต่คนยังต้องกินต้องใช้ เห็นได้จากวิกฤตโควิด รายได้และกำไรของ MICRO ยังเติบโตดี  

บริษัทที่จะนำมาเปรียบเทียบไม่ค่อยชัดเจนนัก เนื่องจาก MICRO เป็นรายเดียวที่เน้นพอร์ตหลักสินเชื่อรถบรรทุกมือสอง ส่วนรายอื่นจะมีหลากหลาย อย่างของ THANI และ ASK ก็จะมีทั้งการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือ 1 และมือ 2 ขณะที่ SAWAD หรือ MTC เน้นการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ เพราะฉะนั้น เวลาเปรียบเทียบก็ต้องเทียบกลุ่มพวกนี้ทั้งหมด  

ธุรกิจรถบรรทุกมือสอง ยิ่งอายุนาน ดอกเบี้ยยิ่งสูง ซึ่งบริษัทเน้นรถบรรทุกมือสองที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ขณะที่รายอื่นเล่นรถอายุต่ำกว่า 10 ปี โดยอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดในสัญญาเช่าซื้อจะเป็นแบบอัตราคงที่ (Flat Rate) อยู่ที่ 8-15% 


 

***มูลค่าตลาดรถบรรทุกมือสอง 2 หมื่นลบ. ยังกินเค้กแค่ 5% 

สำหรับมูลค่าตลาดของรถบรรทุกมือสอง ปีละประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท MICRO มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 5% ยังค่อนข้างน้อย และยังมีโอกาสที่จะไปชิงส่วนแบ่งการตลาดได้อีกมาก และหากดูสถิติความต้องการของรถมือสองยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับรถมือหนึ่ง โดยเมื่อสิ้นเดือน ก.ค. รถมือสองที่จดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกมากกว่ามือหนึ่ง สะท้อนว่ายังมีความต้องการมาก อาจจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ทำให้กิจการของรถบรรทุกยังคงดีอยู่ และส่วนใหญ่พวกธุรกิจขนส่งจะนิยมเลือกซื้อรถมือสองมาใช้มากกว่า   

***หวังโตยั่งยืน เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

MICRO เปิดดำเนินการมา 26 ปี และวันนี้ทีมผู้บริหารตัดสินใจนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหุ้น “วินิตย์” เล่าว่า เพื่อให้ความฝันเป็นจริง ตามวิสัยทัศน์บริษัทที่ว่า “เป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อรถบรรทุกมือสองของประเทศ” ซึ่งเขาเองได้เข้ามาช่วยวางโครงสร้างต่างๆ ให้กับบริษัทฯ เพื่อปูทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต   

“มันก็ถึงระยะเวลาหนึ่งที่เราต้องการความมั่นคง จริงๆ แล้วฐานเงินของพันธมิตรไมโครลิสซิ่งค่อนข้างดี แต่พอมาระยะหนึ่ง เราก็คิดว่าบริษัทต้องการที่จะมีความมั่นคงยั่งยืนในอนาคต ไม่ใช่แค่รุ่นนี้รุ่นเดียว หรือรุ่นลูก รุ่นหลานเท่านั้น แต่อยากให้ยั่งยืนตลอดไป มันเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างมั่นคง เพราะฉะนั้นก็มีอยู่ทางเดียวก็คือ ต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์”

การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ จะช่วยให้บริษัทมีต้นทุนการระดมเงินที่ต่ำกว่าการกู้เงินกับสถาบันการเงิน โดยเงินระดมทุนส่วนหนึ่งจะไปใช้คืนสถาบันการเงินที่มีดอกเบี้ยค่อนข้างสูง  จากนั้น บริษัทฯ ในฐานะบริษัทจดทะเบียนก็สามารถจะออกหุ้นกู้ หรือระดมเงินด้วยวิธีการอื่นด้วยต้นทุนต่ำลงได้ 

***ตั้งเป้าหมายอีก 2 ปีมี 20 สาขา-พอร์ตสินเชื่อ 5,000 ลบ.

ปัจจุบัน MICRO มีสาขาทั้งหมด 12 สาขา สำนักงานใหญ่อยู่ที่ จ.นครปฐม และกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทั้งภาคเหนือ  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ในอนาคตจะขยายสาขาเพื่อรองรับกับพอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น โดยปี64 และปี 65 จะขยายเพิ่มปีละ 4 สาขา ส่งผลให้ให้มีครบ 20 สาขาในปี65 และพอร์ตสินเชื่อแตะ 5,000 ล้านบาท 

***MICRO ชื่อเล็กแต่ชอบเล่นของใหญ่ วางภาพเป็นหุ้นเติบโต

ในช่วงท้าย กรรมการผู้จัดการ ได้ฝากกับนักลงทุนว่า ไมโครฯ เป็นบริษัทน้องใหม่ ชื่อเล็กก็จริงแต่ว่าชอบเล่นของใหญ่ นั่นก็คือรถบรรทุก ถือว่าเป็นรายเดียวในตลาดหลักทรัพย์ที่เล่นโพรดักส์นี้โดยตรง และยังเป็นโพรดักส์ที่ให้กำไรดี ทั้งพอร์ตสินเชื่อและกำไรสุทธิโตกว่า 30% อยู่ในอันดับต้นๆ ของกลุ่ม ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Margin : NIM) เมื่อสิ้นไตรมาส 2/63 อยู่ที่ประมาณ 13.7% เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างดีอยู่ในกลุ่มที่สูง  

ส่วนเรื่องราคาหุ้น ในระยะยาวเรา MICRO คาดหวังอยากจะเป็นหุ้นเติบโต ในขณะเดียวกัน บริษัทมีทีมที่มีความเชี่ยวชาญชำนาญการ มีการวิเคราะห์ลูกค้า คัดเลือกลูกค้า ทั้งการตรวจสอบประวัติผู้กู้จากเครดิตบูโร มีการใช้ Credit scoring เช่นเดียวกับสถาบันการเงินทั่วไป มีทีมงานที่ติดตามหนี้ ทั้งทีมนอก ทีมใน ภายในกันเอง  และในอนาคตจะเอาระบบไอทีเข้ามาช่วย เพื่อทำให้บริการที่รวดเร็วขึ้น 

 

 

 

 

 

 

ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม


Let's block ads! (Why?)


September 25, 2020 at 08:38AM
https://ift.tt/305cUTp

& 34ไมโครลิสซิ่ง ขวัญใจสิบล้อ& 34 กำลังจะเข้าตลาดหุ้น - efinanceThai
https://ift.tt/2ZQAkws
Home To Blog

No comments:

Post a Comment