กลายเป็นธุรกิจที่เติบโตสวนกระแส รับส้มหล่นจากวิกฤติโรคระบาดที่ทำให้อิสรภาพแห่งการเดินทางของคนถูกลดทอนลง แอปพลิเคชันบริการส่งอาหาร หรือฟู้ดดีลิเวอรี (Food Delivery) จึงกำลังขึ้นแท่นในฐานะธุรกิจที่น่าจับตามองมากที่สุด
ผู้เล่น 4 รายหลักในประเทศไทย ประกอบด้วย แกร็บ (Grab) ภายใต้แบรนด์แกร็บฟู้ด (GrabFood) เปิดให้บริการมาได้ราว 2 ปีเศษ แต่มาเติบโตก้าวกระโดดในช่วงโควิด-19 ต้องรับคนขับ เพิ่มต่อเนื่อง จนพลขับในสังกัดก้าวผ่านตัวเลข 100,000 คน ทั่วประเทศ ครองส่วนแบ่งตลาดไปได้ราว 60-70%
ตามมาด้วยไลน์แมน (LINE MAN) ซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับลาล่ามูฟ (LALAMOVE) เปิดให้บริการส่งอาหารมาได้ราว 4 ปี ล่าสุดเพิ่งประกาศข่าวดีเพราะได้รับการอัดฉีดเงินจากนักลงทุนรายใหม่จำนวน 3,300 ล้านบาท จนต้องแยกออกไปตั้งบริษัทภายใต้การร่วมทุนระหว่างไลน์แมนและวงใน ตุนกระสุนเพิ่มไว้ถล่มคู่แข่งอีกเป็นกระตั้ก
ขณะที่เก็ท (GET) น้องใหม่อายุราวปีเศษๆ เข้ามาในไทยพร้อมๆกับการเปิดตัวเก็ทฟู้ด (GET Food) บริการส่งอาหาร แม้จะเป็นหน้าใหม่แต่พลังแน่น ถือหุ้นโดยโกเจ็ก (Gojek) สตาร์ตอัพยูนิคอร์นชื่อเสียงโด่งดังจากอินโดนีเซีย ที่สยายปีกให้บริการทั่วภูมิภาคอาเซียน โดยเก็ทกำลังถูกรีแบรนด์เปลี่ยนไปใช้แบรนด์ Gojek เพื่อให้ภาพการเป็นผู้เล่นระดับภูมิภาคชัดเจนขึ้น
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือฟู้ดแพนด้า (Foodpanda) แม้มาเงียบๆ แต่บุกหนักสยายปีกบริการครอบคลุมมากที่สุดใน 67 จังหวัด ฟู้ดแพนด้าอยู่ในประเทศไทยมา 8 ปีแล้ว และยังเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่ว่าจ้างคนขับเป็นพนักงานประจำรับเงินเดือน แม้ไม่ออกข่าวมากนัก แต่ก็จัดหนัก พิจารณาจากจำนวนพลขับชุดสีชมพูที่แว้นว่อนไปทั่ว
ส่วนที่กำลังจะมาและเรียกเสียงฮือฮาเป็นพิเศษ คือการเปิดตัวของธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศลงแข่งขันในธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรีในไทยรายล่าสุด ภายใต้แบรนด์โรบินฮู้ด (Robinhood) เป็นผู้เล่นรายใหญ่สัญชาติไทยท่ามกลางตัวประกบระดับสากล ได้แก่ แกร็บจากสิงคโปร์ ไลน์จากเกาหลีใต้ โกเจ็กจากอินโดนีเซีย และฟู้ดแพนด้าจากเยอรมนี
อย่างไรก็ตาม เห็นเฟื่องฟู อู้ฟู่เช่นนี้ ธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรีในประเทศไทยประสบปัญหาขาดทุนทั้งหมด คาดว่าแต่ละรายขาดทุนเฉลี่ยปีละ 100-200 ล้านบาท ถามต่อว่าขาดทุนแล้วทำไมถึงทำ คำตอบคือฟู้ดดีลิเวอรีเป็นแพลตฟอร์มที่เนรมิตลูกค้าได้รวดเร็ว ว่องไวราวกับเสกได้ เพราะคนไทยชอบรับประทาน โอกาสปั้นจำนวนผู้ใช้ทำได้ไม่ยาก หากเทียบกับแอปพลิเคชันบริการอื่นๆ
นอกจากนั้น ฟู้ดดีลิเวอรียังเป็นแพลตฟอร์มที่ลูกค้าใช้เวลาด้วยนานเกิน 2 นาที ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งความผูกพัน (Engagement) ที่ยอดเยี่ยมมากในทางธุรกิจ
พอมองเห็นโอกาส นักลงทุนมากหน้าหลายตาจึงขยันอัดฉีดเงินให้แอปพลิเคชันเหล่านี้ ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นสตาร์ตอัพ ด้วยความเชื่อและความฝันว่าจะสามารถทำให้เงินลงทุนงอกเงยได้ในอนาคต หรือในบางกรณี ช่วยให้สามารถร่วมธุรกิจ จับมือกันแน่นแฟ้นขึ้น เหมือนอย่างที่เซ็นทรัลเข้าไปลงทุนในแกร็บประเทศไทย เป็นเงินกว่า 6,000 ล้านบาทเมื่อต้นปี 2562 เพื่อหวังต่อยอดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
แอปพลิเคชันเหล่านี้ จึงมีเงินมากพอที่จะทุ่มทำการตลาด แข่งขันโกยลูกค้าเข้าระบบให้ได้มากที่สุด แม้ต้องขาดทุนก็ตาม
ธนา เธียรอัจฉริยะ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานการตลาด ธนาคารไทยพาณิชย์ ในฐานะผู้เล่นรายล่าสุดเล่าว่า การทำธุรกิจฟู้ดดีลิเวอรี ถูกจัดให้เป็นการทำกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะไม่สามารถทำกำไรได้แน่ๆ
“บอร์ดธนาคารไทยพาณิชย์ยอมรับตัวเลขขาดทุนจากธุรกิจนี้ไว้ที่ปีละ 150 ล้านบาท โดยมองเหมือนเป็นการทำเพื่อสังคม เราอยากเป็นผู้เล่นจากประเทศไทยที่เข้าไปแข่งขัน ทำให้เกิดความเป็นธรรมต่อร้านอาหาร โดยเราจะไม่เก็บส่วนแบ่งจากการขาย (GP) จากร้านอาหารเล็กๆ เพื่อเป็นการช่วยเขา ส่วนร้านระดับกลาง-ใหญ่ จะเก็บที่ 8% ต่ำที่สุดในตลาด ส่วนในมุม ผู้ใช้งาน จะพยายามทำราคาให้แข่งขันได้ เรามีจุดแข็งจากการเป็นแบงก์ใหญ่ มีเครื่องมือหลากหลายในการทำแคมเปญด้านสิทธิประโยชน์ลูกค้าแน่นอน”
เขาเล่าอีกว่า การตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจเกิดขึ้นค่อนข้างเร่งด่วน ซีอีโอของแบงก์สังเกตเห็นว่าโควิดทำให้คนนิยมสั่งอาหารมารับประทานที่บ้านมากขึ้น แต่ก็มองเห็นเช่นกันว่า ราคาค่าส่งและค่าอาหารมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากความพยายามในการขยับค่า GP ของแอปพลิเคชันฟู้ดดีลิเวอรี ไทยพาณิชย์จึงขยับเข้ามาเขย่าเวทีแข่งขัน
แน่นอนในระยะยาว นอกจากตัวเลขขาดทุนแล้ว ไทยพาณิชย์หวังว่าจะสามารถผูกพันลึกซึ้งกับลูกค้ามากขึ้น ผ่านบริการส่งมอบอาหารถึงมือ
แต่...โรบินฮู้ดจะเป็นขวัญใจคนจนตามเจตนารมณ์ได้หรือไม่ ต้องพิสูจน์หลังเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในเดือน ก.ย.ที่จะถึง.
ศุภิกา ยิ้มละมัย
อ่านเพิ่มเติม...
August 04, 2020 at 05:01AM
https://ift.tt/2XkOvYs
สมรภูมิฟู้ดดีลิเวอรี - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2ZQAkws
Home To Blog
No comments:
Post a Comment